简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
Upbit ถูกแฮกครั้งใหญ่ เงินบนกระดานเทรดปลอดภัยจริงไหม? แล้ว Cold Wallet คือทางรอดสุดท้ายหรือไม่
บทคัดย่อ:เหตุการณ์แฮ็กครั้งใหญ่ของ Upbit ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่า 36.8 ล้านดอลลาร์ถูกขโมยจาก Hot Wallet บนเครือข่าย Solana แม้ความเสียหายสูง แต่ระบบตรวจจับของ Upbitช่วยย้ายสินทรัพย์ส่วนใหญ่สู่ Cold Wallet ได้ทันเวลา ทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เหตุการณ์นี้ตอกย้ำหลักการสำคัญของโลกคริปโตว่า “Not your keys, not your coins” พร้อมชี้ให้เห็นข้อดี–ข้อเสียของการเก็บเหรียญบนกระดานเทรดเทียบกับ Cold Wallet และสรุปว่าการกระจายความเสี่ยงระหว่างสองวิธีคือแนวทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักลงทุน

เหตุการณ์โจรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ Upbit กระดานเทรดอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนทั้งวงการคริปโตทั่วโลก และสำหรับแอดเหยี่ยว มันไม่ใช่เพียงการโจมตีครั้งหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คำกล่าวอมตะของโลกบล็อกเชนกลับมาเด่นชัดอีกครั้งว่า “Not your keys, not your coins” หากกุญแจไม่ใช่ของคุณ เหรียญก็ไม่ใช่ของคุณเช่นกัน
แกะรอยวินาทีที่เงิน 36.8 ล้านดอลลาร์หายไป
ข้อมูลจาก Lookonchain และ Arkham Intelligence ระบุว่า แฮ็กเกอร์ได้เจาะช่องโหว่ของ Hot Wallet บนเครือข่าย Solana ของ Upbit ก่อนดึงสินทรัพย์ออกไปอย่างรวดเร็ว ยอดมูลค่าที่ถูกขโมยไปกว่า 54,000 ล้านวอน หรือราว 36.8 ล้านดอลลาร์ ประกอบด้วย SOL, USDC, JUP และสินทรัพย์ในระบบนิเวศของ Solana อีกหลายรายการ เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเช้ามืดของวันที่ 27 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดยังไม่ตื่นตัว แต่สำหรับแฮ็กเกอร์แล้ว นั่นคือเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการลงมือ
ทำไมลูกค้าส่วนใหญ่ “รอด”? คำตอบอยู่ที่ Cold Wallet
แม้ความเสียหายจะสูง แต่สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ทำไม Upbit ถึงยังสามารถรับผิดชอบผู้ใช้งานได้ครบถ้วน โดยไม่ล้มตามรอยเว็บเทรดที่เคยถูกแฮ็กในอดีต คำตอบคือ ระบบตรวจจับความผิดปกติของ Upbitทำงานได้รวดเร็ว ทีมงานได้ย้ายสินทรัพย์จำนวนมหาศาลจาก Hot Wallet ไปไว้ใน Cold Wallet ทันทีที่พบความผิดปกติ ข้อมูล On-chain ยืนยันการเคลื่อนย้ายนี้อย่างชัดเจน หากวันนั้นสินทรัพย์ทั้งหมดถูกเก็บไว้ใน Hot Wallet ผลลัพธ์คงเลวร้ายกว่านี้มาก
ฝากสินทรัพย์ไว้บนกระดานเทรด หรือเก็บเองใน Cold Wallet แบบไหนดีกว่า?
แอดเหยี่ยวขอแยกให้ชัดแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้นักลงทุนทุกระดับตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม
การฝากเงินไว้บน Exchange
รูปแบบนี้คล้ายการฝากเงินไว้ในธนาคาร เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวก เช่น เทรดเดอร์ประจำ ผู้ที่ต้องซื้อขายบ่อย หรือมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นชินกับการดูแล Private Key ข้อดีคือความคล่องตัวสูง ทำธุรกรรมได้ทันที และมีทีมงานให้ความช่วยเหลือ แต่ข้อเสียสำคัญคือ คุณไม่ได้ถือครอง Private Key ด้วยตนเอง หากเกิดเหตุการณ์เช่น Upbit โดนแฮ็ก หรือกรณีที่เลวร้ายกว่าอย่าง FTX ปิดกิจการ สินทรัพย์ของคุณอาจติดอยู่บนระบบและไม่สามารถถอนออกมาได้ทันที แม้แพลตฟอร์มจะมีมาตรการชดเชย แต่ช่วงหยุดฝาก–ถอนที่เกิดขึ้น อาจทำให้พลาดโอกาสในการบริหารพอร์ตช่วงตลาดผันผวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเก็บสินทรัพย์ไว้ใน Cold Wallet
Cold Wallet หรือ Hardware Wallet เปรียบเสมือนตู้เซฟส่วนตัวของนักลงทุน ข้อดีคือมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต แฮ็กเกอร์ไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ง่าย ผู้ที่ถือเหรียญใน Cold Wallet จึงไม่สะเทือนแม้เกิดการโจมตีใด ๆ เหมาะกับนักลงทุนระยะยาว ผู้ถือพอร์ตขนาดใหญ่ หรือผู้ที่ต้องการความสบายใจเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยนี้มาพร้อมความรับผิดชอบสูง เพราะหากคุณทำ Seed Phrase หาย ไม่มีทางกู้คืนสินทรัพย์ได้ และการโอนเหรียญอาจซับซ้อนกว่าการกดซื้อขายผ่านแอปบนมือถือ
ทางเลือกที่ยั่งยืนที่สุดคือ “กระจายความเสี่ยง”
จากเหตุการณ์ Upbit แอดเหยี่ยวมองว่าไม่มีวิธีใดปลอดภัยสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดคือการจัดสรรพอร์ตอย่างสมดุล เช่น
- เก็บไว้บนกระดานเทรด 20–30% สำหรับการเทรดรายวันหรือระยะสั้น
- เก็บใน Cold Wallet 70–80% สำหรับการถือระยะยาว
เหตุการณ์นี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้แต่ระบบที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังมีจุดอ่อนได้เสมอ การมีแผนสำรองและรู้จักดูแลทรัพย์สินด้วยตนเอง คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนในโลกคริปโตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
หากต้องการให้แอดเหยี่ยวช่วยสรุปบทความนี้เป็นภาพอินโฟกราฟิกสำหรับใช้งานบนเว็บไซต์หรือเพจ บอกได้เลยครับ เดี๋ยวจัดให้แบบอ่านง่ายและมืออาชีพเหมือนเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก siamblockchain
โดนหลอกโดนโกง อย่าเก็บไว้คนเดียว แอดเหยี่ยวช่วยได้!
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

รายงานลับสะเทือนวงการ! นโยบายสหรัฐฯชุดเก่า กดดันสถาบันการเงินตีตัวออกห่างคริปโต
รายงานของ French Hill เปิดเผยว่าธุรกิจคริปโตในสหรัฐฯ ถูกจำกัดการเข้าถึงบริการธนาคารอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายสตาร์ทอัพปิดตัวหรือย้ายฐาน แต่ในปี 2025 กฎเกณฑ์ใหม่ เช่น กฎหมายควบคุม Stablecoin และกฎหมายกำกับตลาดดิจิทัล ทำให้ธุรกิจคริปโตกลับเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น นักลงทุนมั่นใจขึ้น และสถาบันการเงินเริ่มกลับมาให้บริการอีกครั้ง นโยบายชัดเจนขึ้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตคริปโตอย่างมั่นคงในสหรัฐฯ

$100,000 เลขกลม ๆ แต่แรงสะเทือนตลาดเกินคาด! เจาะจิตวิทยานักลงทุน
บทความนี้อธิบายปรากฏการณ์ที่ Bitcoin พุ่งเข้าใกล้ระดับราคา $100,000 ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวเลขทางเทคนิค แต่เป็น “กำแพงทางจิตวิทยา” ที่สร้างแรงซื้อ แรงขาย และแรง FOMO พร้อมกัน เหมือนระดับราคาจิตวิทยาในตลาด Forex เช่น EUR/USD 1.2000 หรือทองคำ 2,000 ดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ Round Number Bias ของมนุษย์ แรงขายจากนักลงทุนที่ตั้งเป้าทำกำไร สื่อกระแสหลักที่กระตุ้น FOMO และกลไก Max Pain ในตลาดออปชัน บทความชี้ว่า การเข้าใจจิตวิทยาตลาดมีความสำคัญไม่แพ้เทคนิค โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาเข้าใกล้ระดับสำคัญ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทั้งนักเทรด Forex และนักเทรดคริปโตในการวางแผนเทรดและจัดการความเสี่ยงอย่างมีสติ

3 ชั่วโมงที่เปลี่ยนชะตา! นักศึกษาแพทย์ขาดทุนคริปโต 2 ล้าน ชีวิตหลังเหตุการณ์ยังยืนไหวไหม?
บทความนี้อธิบายความแตกต่างระหว่าง ตลาดกระทิง และ ตลาดหมี พร้อมชี้ให้เห็นว่าแก่นสำคัญของการอยู่รอดในตลาด Forex ไม่ใช่ทิศทางของราคา แต่คือ จิตวิทยาและวินัยของเทรดเดอร์ ตลาดกระทิงมักสร้างความมั่นใจและความโลภ ขณะที่ตลาดหมีทำให้เกิดความกลัวและการขายแบบตื่นตระหนก ความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์ ไม่ใช่สภาพตลาด เทคนิคสำคัญเพื่ออยู่รอดคือ การอ่านแนวโน้มหลัก ตั้งกฎการเทรดที่ชัดเจน ใช้ Stop Loss อย่างมีวินัย และควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง บทความสรุปว่า การเข้าใจทั้งตลาดและเข้าใจตัวเองคือกุญแจสู่การเติบโตของพอร์ตอย่างยั่งยืน

ยังทันไหม? ความจริงของการขุดคริปโตปีนี้ที่หลายคนไม่กล้าบอก
บทความนี้วิเคราะห์ความคุ้มค่าของการขุด Bitcoin ในปีปัจจุบัน โดยพิจารณาปัจจัยสำคัญ เช่น ค่าไฟฟ้า ความยากในการขุด ราคาตลาด และต้นทุนอุปกรณ์ พร้อมอธิบายโครงสร้างรายได้หลังการ Halving ที่ทำให้รางวัลลดลงและการแข่งขันสูงขึ้น ผลการประเมินพบว่าการขุดจะคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มีต้นทุนไฟฟ้าต่ำและอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง รวมถึงผู้ที่ต้องการสะสม Bitcoin ระยะยาว ขณะที่ผู้ที่มีค่าไฟสูงหรือหวังผลตอบแทนเร็วอาจไม่เหมาะกับการขุดในช่วงนี้ โดยมีทางเลือกอื่นที่คุ้มค่ากว่า เช่น การซื้อสะสมแบบ DCA หรือการลงทุนในบริษัทเหมือง Bitcoin บทความจึงสรุปว่า การขุดยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ แต่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างต้นทุนและกลยุทธ์ของผู้ลงทุนเป็นหลัก
WikiFX โบรกเกอร์
Vantage
Exness
FXTM
FOREX.com
EC markets
STARTRADER
Vantage
Exness
FXTM
FOREX.com
EC markets
STARTRADER
WikiFX โบรกเกอร์
Vantage
Exness
FXTM
FOREX.com
EC markets
STARTRADER
Vantage
Exness
FXTM
FOREX.com
EC markets
STARTRADER
