简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
เพราะอะไร? ทองคำถึงไม่เคยเสื่อมค่า...แม้โลกจะปั่นป่วน!
บทคัดย่อ:ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าไม่เสื่อมสลายและสามารถช่วยรักษาความมั่งคั่งในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจหรือการเงินที่ผันผวน มันมีคุณสมบัติเป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" และให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว การลงทุนในทองคำสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการซื้อทองคำแท่ง กองทุนรวมทองคำ หรือผ่าน Gold ETFs และ Gold Futures นักลงทุนควรเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระยะเวลาการลงทุน เพื่อเพิ่มความมั่นคงและกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน.

ถ้าพูดถึงการลงทุนใน ทองคำ คงไม่มีใครไม่รู้จักสินทรัพย์นี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกยอมรับ และเรียกได้ว่าเป็น “สมบัติที่ไม่มีวันเสื่อมค่า” ทองคำไม่เคยหายไปจากโลกการเงิน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี หรือเศรษฐกิจโลกจะวิกฤติแค่ไหน ทองคำก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ถูกเลือกใช้ในการรักษามูลค่าเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่โลกเจอวิกฤติรอบๆ ตัว
ทำไมทองคำถึงมีค่ามาก?
ทองคำไม่เพียงแต่เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าในตัวเอง แต่มันยังมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยรักษาความมั่งคั่งในระยะยาวได้ดีสุดๆ และที่สำคัญคือมันไม่ได้เสื่อมค่าไปตามกาลเวลา ในยุคที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน หรือการเงินโลกมีการผันผวนสูง ทองคำมักจะเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเลือกใช้เพื่อลดความเสี่ยงจากสินทรัพย์อื่นๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากภาวะตลาด
จุดเด่นของทองคำที่ไม่เหมือนใคร
ทองคำมีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างที่ทำให้มันยังคงมีมูลค่าไม่เสื่อมไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่โลกเผชิญกับวิกฤติทางเศรษฐกิจหรือการเมือง ซึ่งในช่วงเหล่านี้มันกลายเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ที่หลายคนต้องการไว้ในพอร์ตการลงทุน
- ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
การลงทุนในทองคำไม่ใช่แค่การเก็บสะสมของมีค่า แต่เป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีภาวะเงินเฟ้อ ทองคำสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ตัวอย่างเช่น หากย้อนกลับไปดูช่วงเวลาระหว่างปี 2514 - 2565 ผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำจะเฉลี่ยอยู่ที่ 7.78% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐที่อยู่ที่ประมาณ 3.70% ต่อปี ในช่วงเดียวกัน
- ปลอดภัยในช่วงวิกฤติ
ทองคำได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนว่าเป็น “สินทรัพย์ที่ปลอดภัย” ในช่วงวิกฤติทางเศรษฐกิจ เพราะมันมีความเสี่ยงต่ำและสามารถรักษามูลค่าได้ดี แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจหรือการเมือง ทองคำก็ยังคงเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ มีความผันผวนสูง
- มีสภาพคล่องสูงและการลงทุนที่หลากหลาย
ถ้าพูดถึง สภาพคล่อง ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงสุดๆ เพราะมันสามารถซื้อขายได้ในทุกที่ทั่วโลก ไม่มีข้อจำกัดในการเปลี่ยนทองคำให้เป็นเงินสด อีกทั้งยังมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ทองคำแท่ง, กองทุนรวมทองคำ, Gold ETFs, หรือ Gold Futures นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามความเหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของตัวเอง
กลยุทธ์การลงทุนทองคำในระยะสั้นและระยะยาว
แล้วถ้าคุณเป็นคนที่กำลังคิดจะลงทุนในทองคำ ควรเลือกกลยุทธ์การลงทุนยังไงดีล่ะ? การลงทุนทองคำไม่ได้ยากอย่างที่คิด และมันมีวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับทั้ง นักลงทุนระยะสั้น และ นักลงทุนระยะยาว
- นักลงทุนระยะสั้น ที่มองหาโอกาสทำกำไรจากราคาทองคำที่ขึ้นลง ควรกำหนดจุดซื้อและจุดขายให้ชัดเจน เช่น ถ้าราคาทองคำลดลงมาอยู่ในจุดที่คิดว่าเหมาะสมก็ควรขาย หรือถ้าราคามันเพิ่มขึ้นไปจนถึงจุดที่ได้กำไรตามเป้าก็ควรขายออก และต้องมีการศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจุดที่ดีที่สุดในการซื้อและขาย
- นักลงทุนระยะยาว ที่มองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว สามารถใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar Cost Averaging) หรือการทยอยซื้อทองคำในจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือน วิธีนี้จะช่วยกระจายความเสี่ยงในระยะยาว และสร้างวินัยในการลงทุนไปพร้อมกัน
จะลงทุนทองคำให้ปัง ต้องมีแผน!
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถให้ผลตอบแทนดีและช่วยลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุนได้ แต่ก็ต้องรู้จักการเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายและระยะเวลาของคุณ การมีทองคำในพอร์ตการลงทุนประมาณ 5-10% จะช่วยกระจายความเสี่ยง และทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณเสถียรขึ้นในระยะยาว
ที่สำคัญ อย่าลืมว่าการลงทุนทองคำก็เหมือนกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ คือมันมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ดังนั้นการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองคำและวางแผนการลงทุนให้รอบคอบจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
สรุป
ทองคำไม่ได้เป็นแค่ “โลหะมีค่า” แต่เป็น สินทรัพย์ที่สามารถช่วยรักษามูลค่าในระยะยาว ทั้งยังเป็นตัวเลือกที่ดีในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน ทองคำอาจไม่ใช่การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนทันที แต่การมีทองคำในพอร์ตการลงทุนจะทำให้คุณมีความมั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่โลกกำลังเจอภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่แน่นอน!
ขอบคุณข้อมูลจาก aomMONEY
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

อยากเทรดให้เก่ง? เริ่มจากสร้าง “ระบบเทรด” ที่พิสูจน์แล้วว่าทำงานจริง
การเทรด Forex ต้องอาศัยความรู้และระบบการเรียนรู้ที่มีแบบแผน ไม่ใช่เพียงการกดออเดอร์หรือหวังพึ่งโชค การศึกษาการเทรดอย่างเป็นระบบ—ทั้งกลยุทธ์ การบริหารเงินทุน ความเสี่ยง และจิตวิทยา—ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจอย่างมีวินัย ลดอารมณ์ และเข้าใจตลาดได้ลึกขึ้น การฝึกด้วยบัญชีทดลอง การตั้งเป้าหมาย การทบทวนผลการเทรด และการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญล้วนเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยสร้างพื้นฐานสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ความสำเร็จในตลาด Forex เกิดจากการฝึกฝนต่อเนื่องและวินัย ไม่ใช่ความรวดเร็วหรือการเสี่ยงโดยไร้แผน.

Psychology of Trading จุดอ่อนทางอารมณ์ที่ทำให้เทรดเดอร์พลาดในทุกจังหวะตลาด
บทความนี้อธิบายความแตกต่างระหว่าง ตลาดกระทิง และ ตลาดหมี พร้อมชี้ให้เห็นว่าแก่นสำคัญของการอยู่รอดในตลาด Forex ไม่ใช่ทิศทางของราคา แต่คือ จิตวิทยาและวินัยของเทรดเดอร์ ตลาดกระทิงมักสร้างความมั่นใจและความโลภ ขณะที่ตลาดหมีทำให้เกิดความกลัวและการขายแบบตื่นตระหนก ความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์ ไม่ใช่สภาพตลาด เทคนิคสำคัญเพื่ออยู่รอดคือ การอ่านแนวโน้มหลัก ตั้งกฎการเทรดที่ชัดเจน ใช้ Stop Loss อย่างมีวินัย และควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง บทความสรุปว่า การเข้าใจทั้งตลาดและเข้าใจตัวเองคือกุญแจสู่การเติบโตของพอร์ตอย่างยั่งยืน

มือใหม่ห้ามพลาด! RSI ฉบับเข้าใจง่าย สามารภใช้จริงในสนามเทรดได้
บทความอธิบายการใช้ Indicator RSI ในการวิเคราะห์โมเมนตัมของราคา พร้อมชี้ให้เห็นข้อสำคัญว่าแม้ RSI จะเข้าเขต Overbought/Oversold ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาจะกลับตัวทันที จึงควรใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ได้แก่ MACD สำหรับยืนยันโมเมนตัมและหา Divergence, การตัดกันของ EMA เพื่อดูจุดกลับตัว, การใช้ Smoothed RSI ลดสัญญาณหลอก, การดู RSI หลาย Timeframe เพื่อเทรดตามแนวโน้มใหญ่ และการผสานกับระบบ Pivotal Points ของ Livermore เพื่อหาโซนกลับตัวที่แม่นยำ สรุปคือ RSI ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจเทรด.

Quantitative Tightening คืออาวุธลับของธนาคารกลาง? และทำไมมันถึงเขย่าตลาด
Quantitative Tightening (QT) คือมาตรการที่ธนาคารกลางลดสภาพคล่องโดยการปล่อยให้สินทรัพย์ครบกำหนดหรือขายออกจากงบดุล ซึ่งตรงข้ามกับ QE ที่อัดฉีดเงินเข้าระบบ QT ถูกมองเป็น “อาวุธลับ” เพราะแม้จะไม่หวือหวาเหมือนการปรับดอกเบี้ย แต่สามารถทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนได้ทันที เมื่อสภาพคล่องลดลง เงินดอลลาร์มักแข็งค่า เงินทุนไหลกลับสหรัฐฯ และทำให้สกุลเงินตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าลง ส่งผลให้คู่เงินที่อิง USD เคลื่อนไหวแรงขึ้น นักเทรด Forex จึงต้องติดตามนโยบาย QT อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินสภาพคล่อง แนวโน้มค่าเงิน และบริหารความเสี่ยงท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
WikiFX โบรกเกอร์
octa
HFM
IC Markets Global
D prime
XM
FXCM
octa
HFM
IC Markets Global
D prime
XM
FXCM
WikiFX โบรกเกอร์
octa
HFM
IC Markets Global
D prime
XM
FXCM
octa
HFM
IC Markets Global
D prime
XM
FXCM
