บทคัดย่อ:ระบบเทรด PVSRA (Price, Volume, Support and Resistance Analysis) เป็นกลยุทธ์ในการวิเคราะห์ตลาดที่มุ่งเน้นการศึกษา ราคา ปริมาณการซื้อขาย และแนวรับ-แนวต้าน เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้เล่นหลักในตลาดและคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต การวิเคราะห์ประกอบด้วยการติดตามแนวโน้มราคา การประเมินปริมาณการซื้อขายเพื่อดูแรงกดดัน และการระบุจุดที่ราคามีแนวโน้มจะหยุดหรือพลิกกลับ โดยแบ่งการเข้าเทรดเป็นสองกรณี ได้แก่ ขาขึ้นและขาลง ระบบ PVSRA ช่วยให้ผู้เทรดตัดสินใจได้ดีขึ้นในตลาด Forex ผ่านการวิเคราะห์ที่เป็นระบบ แต่อาจมีจุดอ่อนที่ต้องพิจารณา เช่น ความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกและความต้องการประสบการณ์ในการตีความข้อมูลอย่างถูกต้อง.

ระบบเทรด PVSRA (Price, Volume, Support and Resistance Analysis) เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด โดยเน้นที่ราคา ปริมาณการซื้อขาย และแนวรับ-แนวต้าน เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้เล่นรายใหญ่ (Market Makers) และคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต หลักการวิเคราะห์สำคัญประกอบด้วย
- Price (ราคา): วิเคราะห์แนวโน้มราคา เช่น ขาขึ้น ขาลง หรือการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ
- Volume (ปริมาณ): ตรวจสอบปริมาณการซื้อขายเพื่อดูว่าแรงซื้อหรือแรงขายมีความสำคัญเพียงใด
- Support and Resistance (แนวรับและแนวต้าน): ระบุจุดที่ราคามีโอกาสหยุดหรือเปลี่ยนทิศทาง
วิธีการวิเคราะห์ด้วยระบบ PVSRA ในการประเมินแนวโน้มราคาของตลาด Forex จะพิจารณาจากองค์ประกอบของตลาด ดังนี้
.
การวิเคราะห์ Price (ราคา)การพิจารณาราคาที่เกิดขึ้นในตลาดมีหลักการดังนี้:
- ตรวจสอบทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา เพื่อระบุว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ขาลง หรือทรงตัว
- ระบุจุดแนวรับและแนวต้านที่มีความสำคัญ ซึ่งอาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคา

ขอบคุณรูปจาก Crypto
ในตลาด Forex ปัจจัยที่ทำให้เกิด Price (ราคา) เปลี่ยนแปลง เกิดจากกลุ่มคน 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
1. Market Makers (MM)
Market Makers หรือผู้สร้างตลาด คือ บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสนอซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับตลาด โดยมีบทบาทหลักดังนี้:
- เสนอราคาซื้อขาย: Market Makers จะกำหนดราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) สำหรับสกุลเงินต่าง ๆ ทำให้ผู้เทรดสามารถทำธุรกรรมได้ทันที
- สร้างสภาพคล่อง: พวกเขาช่วยให้มีผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดอยู่เสมอ เพื่อให้การซื้อขายสกุลเงินเป็นไปอย่างสะดวก
- กำหนดราคาซื้อขาย: Market Makers กำหนดราคาตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุปสงค์ อุปทาน และสภาพเศรษฐกิจ
ตัวอย่าง Market Makers:
- ธนาคารพาณิชย์
- โบรกเกอร์ Forex
- บริษัทผู้ให้บริการสภาพคล่อง
2. Smart Money (SM)
Smart Money หรือเงินอัจฉริยะ หมายถึง เงินลงทุนจากนักลงทุนที่มีความรู้และประสบการณ์ในตลาด Forex นักลงทุนกลุ่มนี้มักใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อน เพื่อหาโอกาสทำกำไร โดยมีลักษณะดังนี้:
- ลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก: นักลงทุนกลุ่มนี้มักมีเงินทุนสูง
- ความเข้าใจในตลาด: พวกเขามีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาด Forex
- กลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อน: ใช้เทคนิคและกลยุทธ์ที่ซับซ้อนในการเทรด
- ความอดทน: รอคอยโอกาสในการทำกำไรอย่างมีกลยุทธ์
ตัวอย่าง Smart Money:
- กองทุนป้องกันความเสี่ยง
- บริษัทจัดการลงทุน
- เทรดเดอร์มืออาชีพ
3. Dumb Money (DM)
Dumb Money หรือเงินโง่ คือ เงินลงทุนจากนักลงทุนที่ขาดประสบการณ์และความรู้ในตลาด Forex นักลงทุนกลุ่มนี้มักตัดสินใจลงทุนตามข่าวลือหรืออารมณ์ โดยไม่มีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ดี ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียเงินทุนสูง โดยมีลักษณะดังนี้:
- ลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย: นักลงทุนในกลุ่มนี้มักมีเงินทุนต่ำ
- ขาดประสบการณ์: พวกเขามีความรู้ในตลาด Forex ค่อนข้างน้อย
- ตัดสินใจตามข่าวลือ: มักลงทุนตามกระแสหรืออารมณ์
- ขาดความอดทน: ไม่สามารถรอคอยโอกาสที่ดีได้
ตัวอย่าง Dumb Money:
- นักลงทุนรายย่อย
- เทรดเดอร์มือใหม่
- บุคคลทั่วไปที่ไม่มีความรู้ด้านการเงิน
.
การวิเคราะห์ Volume (ปริมาณ)
การวิเคราะห์ Volume หรือปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจแรงกดดันซื้อหรือขายในตลาด ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการเทรด โดยการวิเคราะห์ Volume จะพิจารณาดังนี้:
- การเพิ่มขึ้นของปริมาณ: ดูว่ามีปริมาณการซื้อหรือขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่
- การเปรียบเทียบปริมาณกับราคา: เพื่อตรวจสอบว่ามีการยืนยันแนวโน้มหรือไม่
หลักการวิเคราะห์ Volume ในตลาด Forex
- Volume สูง: หมายถึง แรงกดดันซื้อหรือขายที่รุนแรง ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มที่จะวิ่งขึ้นหรือลงต่อได้
- Volume ต่ำ: แสดงถึงความเฉื่อยชาของตลาด ซึ่งอาจทำให้ราคามีแนวโน้มข้างเคียง (Side Way)
เทคนิคในการวิเคราะห์ Volume
การวิเคราะห์ตลาด Forex โดยใช้ปริมาณการซื้อขายมีเทคนิคที่สำคัญดังนี้:
1. การวิเคราะห์ Volume ร่วมกับ Price
วิเคราะห์ Volume ใน 2 กรณี:
- Volume เพิ่มขึ้น:
- ราคาขึ้น: แสดงถึงการยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
- ราคาลง: แสดงถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
- Volume ลดลง:
- ราคาขึ้น: แสดงถึงการหมดแรงของขาขึ้น
- ราคาลง: แสดงถึงการยืนยันแนวโน้มขาลง
2. การเปรียบเทียบ Volume ในช่วงเวลาต่าง ๆ
วิเคราะห์ Volume โดยการเปรียบเทียบใน 2 กรณี:
- Volume ปัจจุบัน: เปรียบเทียบกับ Volume ในอดีต
- Volume ปัจจุบันสูงกว่าอดีต: แสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้น
- Volume ปัจจุบันต่ำกว่าอดีต: แสดงถึงความสนใจที่ลดลง
- Volume เฉลี่ย: เปรียบเทียบ Volume ในช่วงเวลาต่าง ๆ
- Volume เฉลี่ยระยะสั้นสูงกว่า Volume เฉลี่ยระยะยาว: แสดงถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
- Volume เฉลี่ยระยะสั้นต่ำกว่า Volume เฉลี่ยระยะยาว: แสดงถึงความผันผวนที่ลดลง
.
การวิเคราะห์ Support and Resistance
การวิเคราะห์ Support and Resistance (แนวรับและแนวต้าน) เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมในตลาด Forex เนื่องจากช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์จุดที่ราคามีแนวโน้มที่จะหยุดหรือพลิกกลับได้ หลักการวิเคราะห์มีดังนี้:
- มองหารูปแบบการรวมตัวของราคา
- รอให้ราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับด้วยปริมาณที่เพิ่มขึ้น
เทคนิคการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน
วิธีการวิเคราะห์ Support and Resistance ในตลาด Forex สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:
1. หาจุด Support (แนวรับ)
ในการหาจุดราคาที่เป็น Support มีเทคนิคดังนี้:
- จุดที่ราคาเคยลงมาสัมผัสแล้วเด้งกลับขึ้นไป: แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
- ในแนวโน้มขาขึ้น: หาจุด Support จากจุดต่ำก่อนหน้า
- ในแนวโน้มขาลง: หาจุด Support จากแนวต้านที่ถูกทำลายลงมา
2. หาจุด Resistance (แนวต้าน)
ในการหาจุดราคาที่เป็น Resistance มีเทคนิคดังนี้:
- จุดที่ราคาเคยขึ้นไปสัมผัสแล้วถูกดันกลับลงมา: แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง
- ในแนวโน้มขาขึ้น: หาจุด Resistance จากจุดสูงก่อนหน้า
- ในแนวโน้มขาลง: หาจุด Resistance จากแนวรับที่ถูกทะลุขึ้นไป
ราคาจะทะลุ Resistance เนื่องจากแรงซื้อที่มากกว่า และราคาจะทะลุ Support เนื่องจากแรงขายที่มากกว่า
การวิเคราะห์ราคาทดสอบแนวรับและแนวต้าน
เมื่อราคาทำการทดสอบแนวรับและแนวต้าน มีหลักในการวิเคราะห์ดังนี้:
- ราคาเด้งกลับจาก Support: แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น
- ราคาทะลุ Support: แสดงถึงแรงขายที่เหนือกว่า สนับสนุนแนวโน้มขาลง
- ราคาเด้งกลับจาก Resistance: แสดงถึงแรงขายที่อ่อนแอ สนับสนุนแนวโน้มขาลง
- ราคาทะลุ Resistance: แสดงถึงแรงซื้อที่เหนือกว่า สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น
การวิเคราะห์ Support and Resistance เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นในตลาด Forex โดยการตรวจสอบแนวโน้มราคาที่เกิดขึ้นจะช่วยให้สามารถเข้าซื้อหรือขายในจังหวะที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
เงื่อนไขการเข้าเทรด
ระบบเทรด PVSRA ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใช้การวิเคราะห์ราคา ปริมาณ แนวรับ และแนวต้าน มีเงื่อนไขในการเข้าเทรดแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีขาขึ้น
- ราคาทำจุดสูงใหม่ (higher high)
- ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น
- ราคาเข้าใกล้แนวรับแนวต้านสำคัญ
- Open Buy: ซื้อเมื่อราคาทะลุแนวรับแนวต้านขึ้นไป
กรณีขาลง
- ราคาทำจุดต่ำใหม่ (lower low)
- ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น
- ราคาเข้าใกล้แนวรับแนวต้านสำคัญ
- Open Sell: ขายเมื่อราคาทะลุแนวรับแนวต้านลงมา
กลยุทธ์ในการเข้าเทรดด้วยระบบ PVSRA จะเน้นการตัดสินใจซื้อหรือขายตามแนวโน้มที่วิเคราะห์ พร้อมทั้งกำหนดจุดตัดขาดการสูญเสียและเป้าหมายการทำกำไรให้ชัดเจน
จุดอ่อนของระบบ
ถึงแม้ระบบ PVSRA จะมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีจุดอ่อนที่ควรพิจารณา ซึ่งรวมถึง:
- ตลาดอาจไม่เคลื่อนที่ตามแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้เสมอไป
- จำเป็นต้องมีวินัยและการจัดการความเสี่ยงที่ดี
- ต้องอาศัยประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูล
- อาจมีสัญญาณหลอก (false signals) ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการตัดสินใจ
นักเทรดมือใหม่อาจพบว่าระบบนี้ใช้ได้ผลไม่ดีนัก เนื่องจากต้องอาศัยทักษะและความชำนาญในการตีความข้อมูลราคาและปริมาณอย่างแม่นยำ
ขอบคุณข้อมูลจาก Forexthai.in.th
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
