简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
จากปี 2009 ถึงวันนี้! เส้นทางนักลงทุนบิตคอยน์ที่พลิกโลกการเงินทั้งใบ
บทคัดย่อ:ตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน นักลงทุน Bitcoin ได้ผ่านวิวัฒนาการจากกลุ่มนักพัฒนาที่เชื่อในอุดมการณ์เงินดิจิทัล สู่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยและสถาบันการเงินระดับโลก ตลาด Bitcoin สอนบทเรียนสำคัญว่า การอยู่รอดในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้ขึ้นกับการเดาเร็ว แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในความผันผวน การลงทุนด้วยศรัทธาคู่กับความรู้ และการควบคุมอารมณ์ นักลงทุนยุคใหม่ยังใช้เครื่องมือ AI และข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจ ทำให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่สะท้อนทั้งมูลค่าเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 — วันที่ชื่อ “Bitcoin” ยังไม่เป็นที่รู้จักของใครเลยนอกจากกลุ่มเล็ก ๆ ของนักพัฒนาและผู้เชื่อในแนวคิด “เงินดิจิทัลที่ไม่ต้องพึ่งธนาคาร” ใครจะคิดว่าสิบกว่าปีต่อมา มันจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่เขย่าโลกการเงิน และสร้าง “นักลงทุน Bitcoin” ขึ้นมาหลายล้านคนทั่วโลก
วันนี้แอดเหยี่ยวจะพานักเทรดมาดูว่า จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน นักลงทุน Bitcoin เดินทางมาอย่างไร และบทเรียนจากพวกเขาให้อะไรกับเราบ้าง
จุดเริ่มต้น: นักลงทุนยุคแรก 2009–2012 “นักอุดมการณ์ทางเทคโนโลยี”
ในช่วงแรก Bitcoin ยังไม่มีมูลค่าทางการตลาดเลยด้วยซ้ำ ผู้ที่ถือเหรียญส่วนใหญ่คือ นักพัฒนาและนักเทคโนโลยี ที่เชื่อในอุดมการณ์ของ Satoshi Nakamoto โลกที่เงินไม่ต้องพึ่งสถาบันกลาง และทุกธุรกรรมโปร่งใสผ่านระบบ Blockchain
นักลงทุนยุคนี้ไม่ได้มอง Bitcoin เป็นการลงทุน แต่เป็น “การทดลองทางเศรษฐกิจและอุดมการณ์เสรีภาพทางการเงิน”
ตัวอย่างเช่น “การซื้อพิซซ่าด้วย Bitcoin ครั้งแรกในปี 2010” ที่แลกด้วย 10,000 BTC วันนี้กลายเป็นตำนานที่เตือนใจนักลงทุนว่า “ทุกสินทรัพย์เริ่มต้นจากศรัทธา ไม่ใช่ราคา”
ยุคทองของการเติบโต 2013–2017 “นักลงทุนกลุ่มแรกเริ่ม”
เมื่อ Bitcoin เริ่มถูกพูดถึงในสื่อและมีเว็บเทรดอย่าง Mt.Gox เปิดให้ซื้อขาย กลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่ก็เริ่มเข้ามา ทั้ง สายเทรดเดอร์เก็งกำไร และ นักลงทุนระยะยาว (HODLer)
ราคาจากไม่กี่ดอลลาร์ ทะยานแตะหลักพันในปี 2013 แต่ก็ตามมาด้วยวิกฤต Mt.Gox ถูกแฮ็กในปี 2014 ทำให้ราคาดิ่งแรง
นี่คือช่วงที่หลายคน “ตื่นรู้” ว่า Bitcoin ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่มันคือ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและต้องเข้าใจตลาดจริง ๆ
ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดใหญ่ 2018–2020 “นักลงทุนมืออาชีพเริ่มเข้ามา”
หลังผ่านรอบขาขึ้นในปี 2017 ที่ราคาแตะเกือบ $20,000 Bitcoin เริ่มถูกจับตามองจากสถาบันการเงิน
ช่วงนี้เองที่คำว่า “นักลงทุน Bitcoin” เริ่มขยายความหมายออกไปมากกว่าเดิม
- กองทุนเริ่มเปิดพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
- ธนาคารใหญ่เริ่มพูดถึง “Digital Asset”
- นักลงทุนรายย่อยเริ่มศึกษาเรื่องการเก็บเหรียญใน Wallet และการใช้ Hardware Wallet อย่างปลอดภัย
ช่วงนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด “DCA (Dollar Cost Averaging)” หรือการทยอยซื้อเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งกลายเป็นกลยุทธ์พื้นฐานของนักลงทุน Bitcoin มาจนถึงปัจจุบัน
ยุคสถาบันเข้าซื้อ (2021–2023) “จากนักลงทุนรายย่อย สู่การยอมรับในระบบการเงินโลก”
ปี 2021 คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อบริษัทใหญ่ระดับโลก เช่น Tesla, MicroStrategy และกองทุน Hedge Fund ชั้นนำ เริ่มถือ Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์สำรอง
นักลงทุน Bitcoin ในยุคนี้มีทั้ง
- สถาบันการเงิน
- นักลงทุนรายใหญ่ (Whales)
- และกลุ่ม Retail Trader ที่ใช้เทคนิควิเคราะห์กราฟแบบมืออาชีพ
แม้ตลาดจะเจอความผันผวนอย่างแรงในปี 2022 จากเหตุการณ์ FTX ล่ม แต่นักลงทุนที่เข้าใจ “คุณค่าพื้นฐานของเทคโนโลยี Blockchain” ยังคงถือเหรียญและรอรอบใหม่
ปัจจุบัน 2024–2025“นักลงทุน Bitcoin ยุคดิจิทัลที่โตมากับข้อมูล”
ในยุคที่ตลาดเต็มไปด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ นักลงทุน Bitcoin ยุคนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พวกเขาไม่ได้ดูแค่กราฟ แต่ดู Sentiment ตลาด, การถือครองของ Wallet รายใหญ่, และสัญญาณจากนโยบายการเงินโลก
แนวโน้มสำคัญคือ
- นักลงทุนหันมามอง Bitcoin เป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
- การเข้ามาของกองทุน Spot Bitcoin ETF ช่วยให้ตลาดมีความโปร่งใสและถูกกำกับมากขึ้น
- และนักลงทุนรุ่นใหม่เริ่มใช้เครื่องมือ AI และระบบวิเคราะห์อัตโนมัติช่วยตัดสินใจลงทุน
บทเรียนจากวิวัฒนาการของนักลงทุน Bitcoin
- ตลาดนี้ให้รางวัลกับคนที่เข้าใจ ไม่ใช่คนที่เดาเร็ว
นักลงทุนที่อยู่รอดคือคนที่เข้าใจธรรมชาติของความผันผวน
- ศรัทธาต้องมาคู่กับความรู้
Bitcoin เติบโตจากอุดมการณ์ แต่การลงทุนต้องใช้หลักคิดทางการเงินร่วมด้วย
- เทคโนโลยีเปลี่ยน แต่หลักจิตวิทยาการลงทุนไม่เปลี่ยน
ความโลภและความกลัวคือสิ่งที่ยังอยู่ — นักเทรดต้องรู้จักควบคุมมันให้ได้
สรุป
ตั้งแต่ปี 2009 ถึงวันนี้ “นักลงทุน Bitcoin” ได้เปลี่ยนจากคนกลุ่มเล็กที่เชื่อในอุดมการณ์ มาเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก และบางที บทเรียนจาก Bitcoin อาจไม่ใช่เรื่องราคา แต่คือเรื่อง “ความเข้าใจในมูลค่าและความอดทนในการถือครองสินทรัพย์แห่งอนาคต” แล้วเจอกันบทความหน้า แอดเหยี่ยวจะพานักเทรดไปต่อยอดกับเรื่อง“Mindset ของนักลงทุน Bitcoin ที่อยู่รอดได้ทุกวงจรตลาด” อย่าพลาดนะครับ
โดนหลอกโดนโกง อย่าเก็บไว้คนเดียว แอดเหยี่ยวช่วยได้!
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

เด็กขายเค้กสู่เศรษฐีฟอเร็กซ์ร้อยล้าน! เรื่องจริงที่สอนว่าความโลภมีราคา
Sandile Shezi เคยถูกยกย่องว่าเป็นเศรษฐีอายุน้อยที่สุดของแอฟริกาใต้ หลังสร้างชื่อจากการเทรด Forex ตั้งแต่อายุ 23 ปี แต่ความสำเร็จของเขาไม่ไร้ข้อวิพากษ์ เส้นทางชีวิตสะท้อนทั้งแรงบันดาลใจจากการเริ่มต้นศูนย์ และความเสี่ยงจากการบริหารเงินของผู้อื่น เรื่องราวของ Shezi เตือนนักลงทุนว่าการเทรดไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวย แต่ต้องอาศัยความรู้ วินัย และความรอบคอบ ไม่ให้ความโลภและภาพลวงนำทาง

กำไรหายไม่รู้ตัว! ค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ที่เทรดเดอร์มักมองข้าม
ค่าธรรมเนียมจากโบรกเกอร์เป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อกำไรของนักเทรด Forex อย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าจะเป็นสเปรด ค่าคอมมิชชั่น ค่า Swap ค่าฝาก–ถอน หรือค่าธรรมเนียมแฝง การเข้าใจโครงสร้างต้นทุนเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนกลยุทธ์ เลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด และป้องกันการสูญเสียกำไรโดยไม่จำเป็น นักเทรดมืออาชีพชนะตลาดไม่ใช่เพราะเดาทิศทางถูกเสมอ แต่เพราะบริหารต้นทุนได้อย่างชาญฉลาด

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง
WikiFX โบรกเกอร์
Plus500
STARTRADER
octa
ATFX
Vantage
FXCM
Plus500
STARTRADER
octa
ATFX
Vantage
FXCM
WikiFX โบรกเกอร์
Plus500
STARTRADER
octa
ATFX
Vantage
FXCM
Plus500
STARTRADER
octa
ATFX
Vantage
FXCM

