简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
5 ปัจจัยที่ต้องจับตา ข้อมูลเงินเฟ้อ และการคว่ำบาตรน้ำมัน
บทคัดย่อ:5 ปัจจัยที่ต้องจับตา

ข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มที่จะทดสอบความอดทนของนักลงทุน ท่ามกลางรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งในวันศุกร์ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ฤดูกาลประกาศผลประกอบการกำลังเริ่มต้นขึ้น และราคาน้ำมันอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน ขณะที่ผู้ค้าพลังงานเตรียมรับมือกับการหยุดชะงักของอุปทาน นี่คือ 5 สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตา
1.ข้อมูลเงินเฟ้อ
จากการฟื้นตัวของอัตราเงินเฟ้อ ความเสี่ยงสำคัญประการหนึ่งที่ตลาดหุ้นต้องเผชิญ ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคในวันพุธจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
ตลาดได้เลื่อนการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกไปเป็นเดือนมิถุนายนแล้ว หลังจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้น 256,000 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 160,000 ตำแหน่ง และ อัตราการว่างงาน ลดลงเหลือ 4.1%
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนธันวาคมจะเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี
แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อได้ลดลงเพียงพอที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่เงินเฟ้อประจำปียังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ปัจจุบันเฟดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 2.5% ในปี 2025
รายงานการประชุมล่าสุดของเฟดซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ แสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายมีความกังวลว่านโยบายของทรัมป์เกี่ยวกับการค้าและการย้ายถิ่นฐานอาจทำให้ความพยายามในการทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาอยู่ในเป้าหมายยาวนานขึ้น
2.หุ้นกลุ่มธนาคารเตรียมรายงานผลประกอบการ
JPMorgan (NYSE:JPM), Wells Fargo (NYSE:WFC), Citigroup (NYSE:C) และ Goldman Sachs (NYSE:GS) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ในวันพุธ ขณะที่ Bank of America (NYSE:BAC) และ Morgan Stanley (NYSE:MS) จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดี
คาดว่าค่าธรรมเนียมธนาคารเพื่อการลงทุนที่แข็งแกร่ง รายได้จากการซื้อขายที่แข็งแกร่ง และแรงกดดันที่ผ่อนคลายเพื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะทำให้ธนาคารในสหรัฐฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น
ความคาดหวังต่อผลประกอบการของธนาคารก็เพิ่มขึ้นเช่นกันหลังจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ คาดว่าประธานาธิบดีคนใหม่จะนำคลื่นแห่งการยกเลิกกฎระเบียบและการปฏิรูปภาษีที่เอื้อต่อธุรกิจ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มผลกำไรของธนาคารได้อย่างมาก
คาดว่ารายได้ของบริษัท S&P 500 จะเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ในไตรมาสนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ตามข้อมูลของ LSEG IBES ที่ Reuters รายงาน
3.เงินเฟ้อฝั่ง UK
ข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษในวันพุธจะเป็นจุดสนใจ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การเทขายพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ ส่งผลให้รัฐบาลใหม่ของพรรคแรงงานต้องเผชิญแรงกดดัน เนื่องจากรัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายน ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังที่ลดลงของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ การกู้ยืมเพิ่มเติมในงบประมาณวันที่ 30 ตุลาคมของรัฐบาลใหม่ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น โดยคาดว่าทรัมป์จะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและเพิ่มอัตราภาษี
คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธันวาคมจะเพิ่มขึ้นเป็นรายปีที่ 2.6% ซึ่งยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางอังกฤษ
ความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ BoE จะเป็นที่จับตามองเช่นกัน โดยคาดว่ารองผู้ว่าการ Sarah Breeden จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันอังคาร และคาดว่าสมาชิก MPC Alan Taylor จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันถัดไป
4.ข้อมูลจีน
จีนเตรียมเปิดเผยข้อมูลชุดหนึ่งในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้เห็นว่าจีนทำผลงานได้ดีเพียงใด ขณะที่เผชิญกับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
คาดว่าข้อมูล GDP ที่จะเผยแพร่ในวันศุกร์นี้จะยืนยันว่าเศรษฐกิจบรรลุเป้าหมายการเติบโตประจำปี 5% สำหรับปี 2024 ตามที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงประกาศไว้ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม
ปักกิ่งเตรียมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ ราคาบ้าน การผลิตภาคอุตสาหกรรม และ ยอดขายปลีก
รองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของจีน เหลียว หมิน กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ปักกิ่งมีพื้นที่และเครื่องมือด้านนโยบายการคลังมากมายที่จะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ และจะเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการลงทุน
5.มาตรการคว่ำบาตรน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่า 3% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากผู้ค้าเตรียมรับมือกับการหยุดชะงักของอุปทานจากมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่เล็งโจมตีรายได้จากน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย
รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อผู้ผลิตน้ำมัน เรือบรรทุกน้ำมัน คนกลาง ผู้ค้า และท่าเรือของรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะโจมตีทุกขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิตและการจำหน่ายน้ำมันของมอสโก
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดที่ 79.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะลุ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียตของสหรัฐฯ ปิดตลาดที่ 76.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่าการกำหนดช่วงเวลาของการคว่ำบาตร ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ทำให้มีแนวโน้มว่าทรัมป์จะยังคงใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อไป และใช้มาตรการนี้เป็นเครื่องมือในการเจรจาเพื่อสันติภาพกับยูเครน
ขอบคุณข้อมูลจาก Investing Thailand
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

ฟอเร็กซ์ vs หุ้น ความเสี่ยงตัวไหนแรงกว่า? เจาะลึกด้วยหลัก Money Management
บทความนี้อธิบายความเสี่ยงของการลงทุนในตลาด Forex และตลาดหุ้น โดยชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงไม่ได้เกิดจากตัวตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการใช้ Leverage การบริหารเงิน และวินัยของเทรดเดอร์เป็นหลัก Forex ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากความผันผวนรวดเร็วและ Leverage สูง ขณะที่หุ้นมีความผันผวนต่ำกว่าและควบคุมความเสี่ยงได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม หากมีระบบ Money Management ที่ดี Forex ก็สามารถลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสได้เช่นกัน สรุปคือ การเลือกตลาดควรพิจารณาจากสไตล์และวินัยของผู้ลงทุนมากกว่าตัวตลาดเอง.

เช็กปฏิทินข่าวสำคัญประจําสัปดาห์! มีเหตุการณ์อะไรน่าติดตามบ้าง
ปฏิทินข่าว Forex และเหตุการณ์สำคัญประจําสัปดาห์

อยากเทรดให้เก่ง? เริ่มจากสร้าง “ระบบเทรด” ที่พิสูจน์แล้วว่าทำงานจริง
การเทรด Forex ต้องอาศัยความรู้และระบบการเรียนรู้ที่มีแบบแผน ไม่ใช่เพียงการกดออเดอร์หรือหวังพึ่งโชค การศึกษาการเทรดอย่างเป็นระบบ—ทั้งกลยุทธ์ การบริหารเงินทุน ความเสี่ยง และจิตวิทยา—ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจอย่างมีวินัย ลดอารมณ์ และเข้าใจตลาดได้ลึกขึ้น การฝึกด้วยบัญชีทดลอง การตั้งเป้าหมาย การทบทวนผลการเทรด และการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญล้วนเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยสร้างพื้นฐานสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ความสำเร็จในตลาด Forex เกิดจากการฝึกฝนต่อเนื่องและวินัย ไม่ใช่ความรวดเร็วหรือการเสี่ยงโดยไร้แผน.

Psychology of Trading จุดอ่อนทางอารมณ์ที่ทำให้เทรดเดอร์พลาดในทุกจังหวะตลาด
บทความนี้อธิบายความแตกต่างระหว่าง ตลาดกระทิง และ ตลาดหมี พร้อมชี้ให้เห็นว่าแก่นสำคัญของการอยู่รอดในตลาด Forex ไม่ใช่ทิศทางของราคา แต่คือ จิตวิทยาและวินัยของเทรดเดอร์ ตลาดกระทิงมักสร้างความมั่นใจและความโลภ ขณะที่ตลาดหมีทำให้เกิดความกลัวและการขายแบบตื่นตระหนก ความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์ ไม่ใช่สภาพตลาด เทคนิคสำคัญเพื่ออยู่รอดคือ การอ่านแนวโน้มหลัก ตั้งกฎการเทรดที่ชัดเจน ใช้ Stop Loss อย่างมีวินัย และควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง บทความสรุปว่า การเข้าใจทั้งตลาดและเข้าใจตัวเองคือกุญแจสู่การเติบโตของพอร์ตอย่างยั่งยืน
WikiFX โบรกเกอร์
octa
GTCFX
Plus500
FOREX.com
STARTRADER
FXTM
octa
GTCFX
Plus500
FOREX.com
STARTRADER
FXTM
WikiFX โบรกเกอร์
octa
GTCFX
Plus500
FOREX.com
STARTRADER
FXTM
octa
GTCFX
Plus500
FOREX.com
STARTRADER
FXTM
