简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
ECB เผย 3 อันตรายของวงการเงินคริปโตว่าที่ฟองสบู่แห่งยุคนี้ !
บทคัดย่อ:ECB เผย 3 อันตรายของวงการเงินคริปโตว่าที่ฟองสบู่แห่งยุคนี้ !

Fabio Panetta ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป ได้กล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้กล่าวถึงข้อบกพร่องและผลกระทบที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ คริปโตเป็นฟองสบู่แห่งยุคที่ถึงวาระที่จะระเบิด และเป็นเพียงวิธีใหม่ของการพนัน เขาอธิบาย เพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของเขา เขาเสนอความเห็น 3 ข้อ: คริปโตนั้นไร้ประโยชน์จากมุมมองของสังคม และเป็นภัยจากมุมมองทางสภาพแวดล้อม ภาพลวงของความปลอดภัยของ stablecoins และ Leverage ที่สูงเป็นพิเศษที่มีให้นักลงทุน

1. คริปโตนั้นไร้ประโยชน์จากมุมมองของสังคม และเป็นภัยจากมุมมองทางสภาพแวดล้อม Panetta ตั้งข้อสังเกตว่า “คริปโตที่ไม่ได้สินทรัพย์รองรับไว้ไม่ทำหน้าที่ที่มีประโยชน์ต่อสังคมหรือเศรษฐกิจ” โดยชี้ให้เห็นว่า “มันไม่ได้ใช้สำหรับการทำธุรกรรม” เนื่องจากมัน “ผันผวนและไม่มีประสิทธิภาพเกินไป” ในทางกลับกันคริปโตนั้น “ถูกใช้อย่างกว้างขวางสำหรับกิจกรรมทางอาญาและการก่อการร้าย หรือเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี” เขากล่าว Panetta ยังชี้ให้เห็นว่าสกุลเงินดิจิตอล “สามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อสแวดล้อมอย่างมหาศาล” เขารู้สึกว่า “สินทรัพย์ดิจิตอลที่ทำร้ายระบบนิเวศมากเกินไปควรถูกแบนด้วย” โดยอ้างถึงกรณีของ bitcoin ที่ใช้กลไกการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย “proof-of-work” ที่ใช้พลังงานมาก

2. ภาพลวงของความปลอดภัยของ stablecoins ข้อบกพร่องที่สำคัญประการที่สองในสกุลเงินดิจิตอลที่ Panetta ตั้งข้อสังเกตนั้นเกี่ยวข้องกับ “ความเสถียรของ Stablecoins ที่อ้างว่าเป็นรากฐาน ซึ่งเป็นระบบนิเวศของคริปโต” เขาอธิบายว่า Stablecoins “ดึงดูดผู้ใช้เพราะมีการอ้างว่าไม่เหมือนกับคริปโตที่ไม่ได้มีทรัพย์สินรองรับ พวกเขาให้ความเสถียรโดยมีมูลค่าเชื่อมโยงกับพอร์ตโฟลิโอของสินทรัพย์” สร้างความแตกต่างด้วย Stablecoins แบบอัลกอริทึม ซึ่ง “มีเป้าหมายเพื่อให้อุปสงค์และอุปทานตรงกันเพื่อรักษาคุณค่าที่มั่นคง” อย่างไรก็ตาม อ้างอิงถึงความผิดพลาดของ TerraUSD Stablecoin ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ Panetta ยืนยันว่า “Stablecoins นั้นมีเสถียรภาพเพียงแค่ชื่อเท่านั้น” โดยชี้ให้เห็นว่าแม้แต่ Stablecoin ชั้นนำอย่าง Tether “ก็หลุด peg ชั่วคราวท่ามกลางความเครียดของตลาดที่ตามมา” ซึ่งเขากล่าวว่าแสดงให้เห็นว่า “แม้แต่เหรียญ Stablecoin ที่มีหลักประกัน ความเสี่ยงก็ยังคงมีอยู่”

3. Leverage ที่สูงเป็นพิเศษที่มีให้นักลงทุน ประการสุดท้าย จุดอ่อนเชิงโครงสร้างข้อที่สามของคริปโตที่ Panetta ระบุไว้ “คือความจริงที่ว่าตลาดคริปโตอาจมีเลเวอเรจและการเชื่อมต่อระหว่างกันสูงอย่างไม่น่าเชื่อ” เขาชี้ให้เห็นว่า “การเทรดคริปโตอนุญาตให้นักลงทุนสามารถเพิ่ม exposure ได้มากถึง 125 เท่าของเงินลงทุนตั้งต้น” โดยอธิบายว่า “เมื่อมีแรงกระแทกและถูก deleverage พวกเขาจะถูกบังคับขาย ซึ่งทำให้ราคาลดลงอย่างมาก” Panetta ยังคำนึงถึงกลไกที่อยู่เบื้องหลัง leverage นี้ด้วย “การใช้หลักประกันมากเกินไปอย่างแพร่หลายในการให้ยืมของ DeFi เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เกิดจากผู้กู้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน” แท้จริงแล้ว เขาอธิบายว่า “เงินที่ยืมมาในครั้งเดียวสามารถนำมาใช้ซ้ำเป็นหลักประกันในการทำธุรกรรมครั้งต่อ ๆ ไป ทำให้นักลงทุนสามารถสร้างความเสี่ยงได้มาก” โดยชี้ว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นพลวัตที่เราได้เห็นในความล้มเหลวของคริปโตล่าสุด” นั่นคือการล้มละลายของ FTX

ที่มา : Investing.com
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

เด็กชาวไร่สู่นักเทรดระดับตำนาน เส้นทางชีวิต Jesse Livermore
Jesse Livermore เริ่มจากเด็กชาวไร่ไร้ทุน กลายเป็นหนึ่งในนักเก็งกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วอลล์สตรีท เขาอ่านเกมตลาดเหมือนอ่านใจคน และสร้างกำไรระดับ “รวยข้ามยุค” แม้ในยุคก่อนกราฟแท่งเทียนหรือ Forex แนวคิดของเขาเรื่องจิตวิทยาตลาด วินัย และการบริหารความเสี่ยงด้วย Stop Loss ยังคงถูกนำมาใช้ในตลาด Forex ทุกยุค Livermore สอนให้เทรดเดอร์เข้าใจว่า ตลาดขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ไม่ใช่เหตุผล ความสำเร็จมาจากการสังเกตราคา อ่านสัญญาณตลาด และพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่โชคหรือดวงเพียงอย่างเดียว.

เสริมพลังด้วยความรู้ ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน: โครงการให้ความรู้แก่นักลงทุน
กิจกรรมโครงการให้ความรู้แก่นักลงทุน

Headway เหมาะกับคนไทยไหม? รวมเสียงจากผู้ใช้จริง โบรกหน้าใหม่ใช่สำหรับเราไหม
รีวิวโบรกเกอร์

ไม่รู้เวลาเปิด-ปิดตลาด Forex = เสี่ยงพลาดโอกาส! มือใหม่ต้องอ่าน
การรู้ว่า ตลาด Forex ปิดกี่โมง ไม่ใช่แค่ข้อมูลพื้นฐาน แต่คือปัจจัยสำคัญที่กำหนดจังหวะและโอกาสในการเทรด บทความนี้อธิบายเวลาเปิด-ปิดของ 4 ตลาดหลักทั่วโลก ได้แก่ ซิดนีย์ โตเกียว ลอนดอน และนิวยอร์ก พร้อมชี้ว่าช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กซ้อนกันคือช่วงที่ความผันผวนสูงสุด เหมาะกับการเทรดคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD การเข้าใจช่วงเวลาตลาดช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์ได้แม่นยำ ลดความเสี่ยง และใช้จังหวะตลาดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดไทยที่ต้องปรับเวลาเทรดให้เหมาะกับสภาพตลาดโลก
