บทคัดย่อ:ทองคำเจอแรงกดดันจากดอลลาร์ หลังเฟดวางแผนเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 2.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.54% จากแนวโน้มที่ธนาคาร กลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย สะท้อนจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์กที่ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า อัตราดอกเบี้ย “จําเป็นอย่าง แน่นอน” ที่จะต้องอยู่ระหว่าง 3% ถึง 3.5% ภายในสิ้นปีนี้ และเขาไม่ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย ส่วนนางแมรี เดลี่ ประธานเฟดซานฟรานซิสโก กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ LinkedIn ว่า หลายคนกังวลว่าเฟดอาจแข็งกร้าวเกินไป และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย แต่ตัวเธอเองกังวลว่าหากปล่อยเงินเฟ้อไว้โดยไม่มีการควบคุม จะเป็นข้อจํากัดที่สําคัญและเป็นภัย คุกคามต่อเศรษฐกิจ ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังจากนางคริสติน ลาการ์ต ประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) ไม่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของ ECB สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคําร่วงสงทตสบอระดับต่ําสุดบริเวณ 1,818.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่เกินคาด ทั้งดัชนีความเชื่อมั่น ของผู้บริโภคสหรัฐจาก Cornference Board และดัชนีภาคการผลิตจากเฟตริชมอนด์ รวมไปถึงความวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงจะถดถอยได้เป็นปัจจัยสกัดช่วงติตสบของทองคํา ด้าน กองทุน SPDR ถือครองทองคําลติลง -2.03 ตัน สําหรับวันนี้ จับตาการเปิดเผยประมาณการครั้งสุดท้ายจีดีพีไตรมาส 1/2022 และถ้อยแถลงของประธานเฟต, ประธาน ECB และประธาน BOE ที่มีกําหนดจะเข้าร่วมอภิปราย ในหัวข้อ “Policy panel” ในงานสัมมนา ECB Forum ที่จัดขึ้นในเมืองซินตราของโปรตุเกส
หากราคาอ่อนตัวลงไม่ต่ำกว่าโซน 1,812 ดอลลาร์ต่อออนซ์จะทำให้ราคายังคงมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบ Sideway Up (ราคาเคลื่อนไหวในกรอบในทิศทางค่อยปรับตัวขึ้น) เบื้องต้นประเมินแนวต้านระยะสั้นในโซน 1,837- 1,848 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวต้านถัดไปที่ 1,865 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คําแนะนําเปิดสถานะซื้อหากยืน $1,812
จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,837-1,848
ตัดขาดทุนตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลด $1,812
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International

